....

วันจันทร์ที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2553

ประโยชน์ในการใช้งาน ด้านการศึกษา

ประโยชน์ในการใช้งาน ด้านการศึกษา

• ยกระดับมาตรฐานการศึกษาของนักเรียนและสถานบันการศึกษาทั่วประเทศ
• กระจายความเจริญและทรัพยากรทางด้านการศึกษาไปทุกพื้นที่ หรือจังหวัดที่ห่างไกล
• เปิดโลกยุคโลกาภิวัฒน์ทางด้านการศึกษาของเยาวชนไทยให้กว้างขึ้น
• แหล่งข้อมูลที่ได้จากเครือข่ายอินเตอร์เน็ตจะมาจากแหล่งข้อมูลจริงและทันต่อเหตุการณ์
• สร้างความเท่าเทียมกันทางการศึกษา ที่ทุกพื้นที่สามารถเชื่อมต่อเครือข่ายอินเตอร์เน็ตได้ ด้านธุรกิจ
• สร้างภาพพจน์ของความเป็นผู้นำให้แก่กลุ่มธุรกิจ หรือบริษัทฯ ในเครือ
• ได้รับความรวดเร็วในการติดต่อสื่อสารขององค์กร ที่จะรับ-ส่ง ไฟล์ข้อมูลต่างๆ ทั้งภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหว , E-mail
• ข้อมูลบนเครือข่ายอินเตอร์เน็ตมีความหลากหลายและกว้างขวาง ทำให้การประกอบธุรกิจเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
• เพิ่มการให้บริการที่ดีรวดเร็ว แก่ลูกค้าขององค์กรในปัจจุบัน
• เพิ่มช่องทางการนำเสนอผลิตภัณฑ์ ของผู้ใช้บริการแก่สาธารณชน รวมทั้งการนำเสนอเพื่อกระจายข้อมูลไปยังทั่วโลกได้
• เพิ่มช่องทางการตลาดของสินค้าที่กว้างมากยิ่งขึ้น
• สามารถประกอบธุรกิจแบบเรียลไทม์ เช่น การตัดหักชำระค่าบริการผ่านอินเตอร์เน็ตจากบัตรเครดิตต่างๆ ได้
• ค่าใช้จ่ายในการสื่อสารต่ำ เมื่อเทียบกับการใช้ โทรสาร หรือ โทรศัพท์
• ส่งเสริมคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น
• ประหยัดทรัพยากรที่มีคุณค่า
• สนับสนุนให้ประชากรมีทักษะในด้านคอมพิวเตอร์เพิ่มมากขึ้น
• เพิ่มทางเลือกในการนำเสนอข้อมูลและเทคโนโลยีใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา

รูปแบบเครือข่ายการให้บริการ


ภาพแสดงเครือข่ายการให้บริการ Two ways Broadband Internet

บริการ ของ iPSTAR สำหรับองค์การบริหารส่วนตำบล รูปแบบการใช้งานของบริการ iPSTAR 1. ให้บริการบรอดแบรนด์อินเตอร์เนต (Broadband Internet) ที่มีประสิทธิภาพสูง ด้วยความเร็วที่ 256/128 Kbps แบบไม่จำกัดเวลาการใช้งาน (Unlimited) 2. ออกแบบเพื่อสามารถนำมาประยุกต์ใช้กับการประชุมทางไกลด้วยภาพผ่านดาวเทียมได้ (VDO Conference ) 3. สามารถให้บริการทางด้านโทรศัพท์ผ่านดาวเทียม โดยใช้เทคโนโลยี Voice Over Internet Protocal (VOIP) วัตถุประสงค์
• สนับสนุนภารกิจขององค์การบริหารส่วนตำบล ในการให้บริการอินเตอร์เนตสาธารณะกับประชาชน
• รับ-ส่งข้อมูล , ข่าวสารได้รวดเร็ว , แม่นยำและมีประสิทธิภาพ
• เชื่อมโยงโครงข่ายการสื่อสารข้อมูลได้ทั่วประเทศ / ทั่วโลก
• แบ่งปันทรัพยากร ( Bandwidth ) ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด

จุดเด่นของบริการ iPSTAR สำหรับองค์การบริหารส่วนตำบล
• ให้บริการอินเตอร์เนตกับประชาชนตามนโยบายรัฐบาล
• รับส่งข้อมูลกับส่วนงานกลางและหน่วยอื่นๆได้สะดวกรวดเร็ว รวมทั้งสามารถเข้าถึงข้อมูลของหน่วยงานย่อยต่างๆ ได้ในทุกพื้นที่ของกระทรวง ลักษณะการทำงาน เป็นการให้บริการอินเทอร์เน็ต ความเร็วสูง ที่มีรูปแบบการเชื่อมต่อ แบบ เดียวกัน กับการเชื่อมต่อผ่านสื่อ แบบคู่สายเช่า (Leased Line) แต่เปลี่ยน มา ใช้สื่อเชื่อมต่อด้วยอุปกรณ์ และช่องสัญญาณดาวเทียมแทน และใช้ บริการ ที่คุณภาพใกล้เคียงกัน ซึ่งถือเป็น อีกทางเลือกหนึ่ง สำหรับ กลุ่ม ลูกค้าที่ต้องการ ใช้อินเทอร์เน็ตความเร็วสูงในพื้นที่ห่างไกล หรือบริการ แบบคู่สายเช่าไปไม่ถึง สามารถขอใช้บริการ ได้ทุกพื้นที่ทั่วประเทศ กลุ่มเป้าหมาย
• บริการอินเตอร์เนตสำหรับองค์การบริหารส่วนตำบล

การ นำ iPSTAR มาประยุกต์ใช้ 1. การประชุมทางไกลผ่านดาวเทียม : iPSTAR for Video Conferencing (VDC) การประชุมทางไกลด้วยภาพผ่านดาวเทียม (Video Conference : VDC ) จัดเป็นการประยุกต์ใช้งานที่สำคัญอย่างหนึ่งในการให้บริการบรอดแบรนด์ ระบบ iPSTAR ทั้งยังสนับสนุนมาตรฐาน H.323 สำหรับ VDC อีกทั้งการควบคุม และจัดสรรช่องสัญญาณรวมตลอดจนความยืดหยุ่นและรวดเร็วในการปรับความเร็ว ตามความต้องการใช้งานของ ระบบ iPSTAR ทำให้การใช้งาน VDC จากเดิมที่เคยมีความยุ่งยากในการติดตั้งอุปกรณ์ และมีค่าบริการที่ค่อนข้างสูง อีกทั้งความเร็วในการส่งข้อมูลถูกจำกัด เปลี่ยนมาเป็นความสะดวก รวดเร็ว ราคาถูก และสามารถประชุมทางไกลจาก ที่ใดก็ได้ ในลักษณะ Client/Server ผ่าน IP Network ของ iPSTAR นอกจากนี้ iPSTAR ยังมีจุดเด่นความสามารถด้าน Broadcast และ Multicast ทำให้สามารถแพร่ภาพและ ข้อมูลไปยังเครือข่ายหรือสาขา ที่มีจำนวนอุปกรณ์ปลายทางจำนวน มาก สามารถรับสัญญาณภาพทุกสาขาพร้อมกันได้
จุดเด่นของการทำงาน VDC
1. ราคาประหยัด และถูกกว่าการให้บริการแบบอื่นๆ มาก หากเปรียบเทียบกับ การใช้งานผ่านระบบอื่นๆ แบบเดิม
2. การติดตั้งง่าย ต่อจุดติดตั้ง 1 จุด สามารถติดตั้งได้เสร็จภายใน 1 วัน
3. หากเป็นการให้บริการแบบ Multicast คุณภาพของสัญญาณ ข้อมูล ที่ได้รับทุกสาขาปลายทาง สามารถรับสัญญาณได้เหมือนกัน และคุณภาพเดียวกัน
4. ระบบ IPSTAR สามารถนำมาประยุกต์ใช้งานร่วมกับระบบปฏิบัติการร่วมกับการควบคุมการประชุม ได้ เช่น การเพิ่ม/ลด จำนวนผู้เข้าประชุม , การแบ่งห้องประชุมออกเป็นหลายๆ ห้อง และใช้ไฟล์งานเข้าประชุมร่วมกันพร้อมๆ กัน
5. ไอพีสตาร์รองรับการใช้งาน Video Conference ในแบบแม่ข่าย / ลูกข่าย ( Client/Server ) ที่กำลังแพร่หลายได้
รูปภาพแสดง iPSTAR for Video Conferencing (VDC)



2. การใช้งานแบบมัลติมีเดีย (Multimedia) iPSTAR เป็นระบบเครือข่ายดาวเทียมที่ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับการใช้งานกับบริการ บรอดแบนด์ความเร็วสูงโดยเฉพาะ ทำให้ผู้ใช้งานผ่านเครือข่าย iPSTAR สามารถเข้าสู่โลกของข้อมูลข่าวสาร การเรียนรู้ และความ บันเทิงต่างๆ แบบ Multimedia ได้อย่างรวดเร็วและไม่มีขีดจำกัดด้านความเร็วอีกต่อไป ทั้งยังเป็นบริการที่มีการเชื่อมต่อแบบตลอดเวลา (Always on) และสามารถให้บริการบรอดแบนด์แบบ 2 ทาง บน Internet Protocol (IP) Platform เพื่อใช้ในการเข้าอินเตอร์เน็ตตามปกติ รวมถึงการใช้งานอื่นๆ บน IP Platform
จุดเด่นของการใช้งาน
• อุปกรณ์ไอพีสตาร์ สามารถใช้ในการรับส่ง- ข้อมูลได้ด้วยความเร็วในการเชื่อมต่อสูงสุดถึง 8 Mbps ในด้านรับ และ 2.5 Mbps ในด้านส่ง
• ไอพีสตาร์ สามารถรองรับการสื่อสารข้อมูล ภาพ เสียง ได้โดยไม่ถูกจำกัด และยังช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าสู่เครือข่าย IP จากที่ใดๆ ก็ได้ ในกรณีที่เครือข่ายสายภาคพื้นดินยังไปไม่ถึง
• ผู้ใช้สามารถใช้งานไอพีสตาร์ ร่วมกับการประยุกต์ใช้งานต่างๆ อาทิเช่น การร่วมประชุมทางไกลผ่านดาวเทียม ( Video Confernece) , การดาวโหลดข้อมูลภาพและเสียง และอื่นๆ
• ส่งข้อมูล ด้วยอุปกรณ์ปลายทาง สามารถกำหนดให้สอดคล้องกับความต้องการของการใช้งาน และเพื่อให้การใช้แบนด์วิดท์เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
• ผู้ใช้งานที่อุปกรณ์ไอพีสตาร์ปลายทาง ทุกจุดติดตั้งสามารถรับสัญญาณด้วยคุณภาพเดียวกัน กับสัญญาณที่ส่งมาจากส่วนกลาง และยังสามารถรับสัญญาณได้แบบไม่จำกัดจำนวนผู้รับ
รูปภาพแสดงการใช้งานแบบ Multimedia



ชุดอุปกรณ์ของ iPSTAR มีอุปกรณ์ซึ่งประกอบไปด้วย
• Indoor Unit ( IDU )
1. iPSTAR Professional Series


2. iPSTAR Voice Series

• Outdoor Unit ( IDU )
3. จานดาวเทียมขนาด 1.2 เมตร LNB


อุปกรณ์จำเป็นที่ใช้ประกอบเพิ่มเติม คือ 1. เครื่องคอมพิวเตอร์
• CPU ระดับ Pentium MMX 200 MHz ขึ้นไป
• หน่วยความจำระดับ 64 MB ขึ้นไป
• พื้นที่เก็บข้อมูล 20 MB สำหรับการติดตั้งโปรแกรม
• เครื่องเล่นแผ่น CD ( CD-ROM Drive )
• ช่องต่ออุปกรณ์แบบ USB Port
• อุปกรณ์เครือข่าย ( LAN Card ) 2. อุปกรณ์สำหรับการเชื่อมเครือข่ายภายใน (LAN) ในกรณีที่ต้องการเชื่อมต่อมากกว่า 1 เครื่อง

การ ประยุกต์ใช้งานอินเตอร์เน็ตผ่านเครือข่าย iPSTAR ระบบเครือข่าย iPSTAR FG สามารถนำไปใช้ในการสื่อสารข้อมูลความเร็วสูง ได้หลายรูปแบบ ได้แก่
• การรับ-ส่งข้อมูลสองทางแบบ Symmetric ที่ต้องการความเร็วของขารับและขาส่งใกล้เคียงกัน เช่น การประชุมทางไกล
• การรับ-ส่งข้อมูลสองทางแบบ Aysmmetric ที่ต้องการความเร็วของขารับมากกว่าขาส่ง เช่น Multimedia Internet Access
• การรับข้อมูลทางเดียวแบบ Broadcast หรือ Multicast เช่น การศึกษาทางไกล เครือข่าย IPSTAR ได้รับการออกแบบมา ให้สามารถรองรับการสื่อสารได้ทั้ง Voice, Data, และ Video บน Internet Protocol (IP) Platform ได้ที่ความเร็วสูงสุด 8 Mbps สำหรับขารับ และ 2.5 Mbps สำหรับขาส่ง

วันจันทร์ที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2553

สื่ออินเตอร์เน็ต ในชีวิตประจำวัน



ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาทุกคนคงไม่ สามารถปฏิเสธได้ว่า สื่ออินเตอร์เน็ตได้มีอิทธิพลมากขึ้นเรื่อยๆจนกลายเป็นสิ่งสำคัญส่วนหนึ่งใน ชีวิตประจำวันของคนทั่วไป (คิดเป็น 10% ของกลุ่มคนอายุ 12 ปีขึ้นไปจากทั่วประเทศ ที่ใช้อินเตอร์เน็ตทุกวัน) และโดยเฉพาะคนกรุงเทพฯ (คิดเป็น 25% กลุ่มคนอายุ 12 ปีขึ้นไปในกรุงเทพฯ และ 20% ของคนต่างจังหวัดที่ใช้อินเตอร์เน็ตทุกวัน) ทั้งนี้อาจเป็นเพราะความหลากหลายในการใช้งานที่ทุกคนสามารถเลือกที่จะใช้ได้ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องงาน เรื่องเรียน เพื่อการบันเทิง หรือแม้แต่จะใช้ในการจับจ่ายซื้อของต่างๆ

ดังนั้นถ้าเราเจาะดูในกลุ่มของผู้บริโภคในกรุงเทพฯแล้วจึงไม่น่าแปลกใจเมื่อ พบว่า เทรนด์การบริโภคสื่ออินเตอร์เน็ตเมื่อเทียบกับสื่ออื่นๆแล้วนั้น สื่ออินเตอร์เน็ตมีการเติบโตในอัตราสูงที่สุด โดยเมื่อเทียบปี 2549 กับ ปี 2552 พบว่าอัตราเติบโตเพิ่มมากขึ้นถึง 15% ในขณะที่สื่อหลักอื่นๆส่วนใหญ่ต่างก็มีอัตราการเติบโตที่ลดลง และ บางรายถึงกับติดลบก็มี

เมื่อแบ่งแยกดูคนกรุงเทพฯที่มีการบริโภคสื่ออินเตอร์เน็ตในช่วงอายุต่างๆ พบว่ามีการบริโภคเพิ่มขึ้นในแทบทุกกลุ่มช่วงอายุ หากแต่ว่ามีการเติบโตมากอย่างเห็นได้ชัดที่สุดในกลุ่มวัยรุ่น โดยเพิ่มขึ้นมาถึง 31% ซึ่งเหตุผลก็น่าจะมาจากหลายๆปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นขอบเขตการให้บริการที่ครอบคลุมมากขึ้นทั้งอินเตอร์เน็ตความเร็ว สูงหรืออินเตอร์เน็ตไร้สายในจุดบริการต่างๆ, การเพิ่มจำนวนของผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ต รวมถึงเทรนด์ความนิยมของโทรศัพท์สมาร์ทโฟนที่สามารถเล่นอินเตอร์เน็ตได้ หรือแม้กระทั่งโปรโมชันและแพ็กเกจอินเตอร์เน็ตที่ราคาถูกและดึงดูดใจผู้ใช้

เมื่อเราดูในรายละเอียดของกิจกรรมในการใช้สื่ออินเตอร์เน็ตนั้น ก็พบว่าในสิ่งที่กลุ่มวัยรุ่นนิยมทำทางสื่ออินเตอร์เน็ตมากที่สุด 10 อันดับนั้น 3 อันดับแรกยังคงเป็น การรับส่งอี-เมล์, การติดต่อสื่อสารอื่นๆ เช่น การแชท การส่งเอสเอ็มเอสผ่านทางอินเตอร์เน็ต และการใช้โทรศัพท์ผ่านทางอินเตอร์เน็ต และการเล่นเกมออนไลน์ ส่วนอีกเทรนด์ที่ค่อนข้างมาแรง คือ การหาข้อมูล รีวิว ของสินค้าและบริษัท ที่มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นมากที่สุด (+186%)

ในขณะที่กลุ่มวัยทำงานตอนต้นนั้นมีการใช้งานอี-เมล์มากที่สุดเช่นกัน รองลงมาคือการอ่านข่าวสารและอัพเดตเรื่องราวต่างๆ (เช่น อัพเดตข่าวในและต่างประเทศ หรือการอ่านหนังสือพิมพ์และนิตยสารออนไลน์) และการพูดคุยติดต่อสื่อสารผ่านทางอินเตอร์เน็ตเป็นอันดับที่ 3 ซึ่งการพูดคุยติดต่อสื่อสารนั้นเป็นสิ่งที่คนในกลุ่มนี้เริ่มมีพฤติกรรมใน การทำเพิ่มขึ้นมากที่สุด (+176%) รองลงมาคือการหาข้อมูลของสินค้าและบริษัท (+56%)

ในขณะที่กลุ่มผู้ใหญ่ที่อายุ 40 ปีขึ้นไปนั้นมีการใช้งานอี-เมล์มากที่สุด ตามมาด้วยการอ่านข่าวสารอัพเดตเรื่องราวต่างๆ และการดาวน์โหลดโปรแกรมหรือไฟล์ต่างๆเป็นอันดับที่ 3 ซึ่งสิ่งที่น่าสนใจคือ การเพิ่มขึ้นของการพูดคุยติดต่อสื่อสารผ่านทางอินเตอร์เน็ต (+160%) ตามมาด้วยความนิยมในการดาวน์โหลดสิ่งต่างๆ (+55%)

จะสังเกตได้ว่า ในทั้ง 3 กลุ่มช่วงอายุนั้นมีการใช้งานอินเตอร์เน็ตในบางด้านที่มากเหมือนๆกัน เช่น การรับส่งอี-เมล์ ในขณะที่การอ่านข่าวสารและอัพเดตเรื่องราวต่างๆนั้นกลับเป็นที่นิยมเฉพาะใน กลุ่มผู้ใหญ่และคนทำงาน โดยมี 2 พฤติกรรมที่น่าสนใจคือ การพูดคุยติดต่อสื่อสารผ่านทางอินเตอร์เน็ต และ ที่มาแรงก็คือ การหาข้อมูลรีวิว ของสินค้าและบริษัท ซึ่งนี่จึงอาจเป็นอีกช่องทางที่นักการตลาดสามารถเข้าไปเป็นพันธมิตรกับกลุ่ม รีวิวบล็อกเกอร์ หรือคนที่ชอบเข้าไปเขียนรีวิวเพื่อประชาสัมพันธ์สินค้าหรือบริการ หรือเราอาจปรับรูปแบบการให้ข้อมูลสินค้าให้มาเป็นในรูปแบบของรีวิว ก็น่าจะดึงดูดใจผู้อ่านได้มากกว่าวิธีเดิมๆ

ประโยชน์และโทษของเครือข่ายคอมพิวเตอร์ในชีวิตประจำวัน


ปัจจุบันโลกของเรามีความเจริญทางด้านวัตถุที่รุดหน้าไปมาก ความเจริญทางด้านวัตถุนั้นหลายคนคงทราบว่าเป็นเทคโนโลยี ที่มนุษย์ได้คิดค้นโดยการนำความรู้ วิทยาการต่างๆ มาประยุกต์ใช้ เพื่อสนองความต้องการให้ชีวิตมีความสะดวกสบายยิ่งขึ้น ด้วยความที่มนุษย์มีมันสมองจึงทำให้โลกเราพัฒนาด้านเทคโนโลยีไปเรื่อย อย่างไม่หยุดยั้ง จากอดีตถึงปัจจุบัน
สมัยก่อนการติดต่อสื่อสารของมนุษย์เราเป็นไปอย่างยากลำบาก และล่าช้า ซึ่งกว่าข้อมูลจะส่งถึงผู้รับได้ก็ต้องใช้เวลาหลายวันด้วยกัน แต่ด้วยความสามารถของบรรพบุรุษเรา ที่ชอบคิดค้น ประดิษฐ์ และพัฒนาสิ่งต่างๆ จนทำให้เกิดนวัตกรรมที่แปลกใหม่ดังเราได้เห็นในชีวิตประจำวัน ก็ทำให้วิถีชีวิตของเราต้องเปลี่ยนแปลงไป ซึ่งเครื่องมือ หรืออุปกรณ์ที่เราจะกล่าวถึงนี้ก็คือ เครื่องคอมพิวเตอร์นั่นเอง
คอมพิวเตอร์ได้เข้ามามีบทบาทในประเทศไทยในช่วงปีพ.ศ.2530 โดยได้เริ่มใช้ในหน่วยงานของรัฐก่อน จากนั้นจึงแพร่ขยายเข้าสู่ตัวบุคคล ซึ่งได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในเวลาต่อมา ด้วยความที่เครื่องคอมพิวเตอร์เป็นเครื่องมือที่ทันสมัย สามารถจัดการงานต่างๆได้หลายอย่างภายในตัว เปรียบได้กับมันสมองของคนเรา คอมพิวเตอร์จึงมีความสำคัญมากในชีวิตประจำวันของเรา ซึ่งเป็นเครื่องมืออีชนิดหนึ่งที่เข้ามาช่วยผ่อนภาระในการทำงานของมนุษย์เราในปัจจุบัน
เครือข่ายคอมพิวเตอร์ ก็คือ กลุ่มของคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ที่ถูกนำมาเชื่อมต่อกันผ่านอุปกรณ์ด้านการสื่อสารหรือสื่ออื่นๆ ทำให้ผู้ใช้ในระบบเครือข่ายสามารถติดต่อสื่อสารแลกเปลี่ยนและใช้อุปกรณ์ต่าง ๆ ของเครือข่ายร่วมกันได้ การที่เครือข่ายคอมพิวเตอร์มีบทบาท และความสำคัญเพิ่มขึ้นเพราะไมโครคอมพิวเตอร์ได้รับการใช้งานอย่างแพร่หลาย จึงเกิดความต้องการที่จะเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์เหล่านั้นเข้าด้วยกัน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถของระบบให้สูงขึ้นเพิ่มการใช้งานด้านต่าง ๆ และลดต้นทุนระบบโดยรวมลง เครือข่ายมีตั้งแต่ขนาดเล็กที่เชื่อมต่อกันด้วยคอมพิวเตอร์เพียงสองสามเครื่องเพื่อใช้งานในบ้าน หรือในบริษัทเล็กๆ ไปจนถึงเครือข่ายระดับโลกที่ครอบคลุมไปเกือบทุกประเทศเครือข่ายสามารถเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์เป็นจำนวนมากทั่วโลกเข้าด้วยกัน เราเรียกว่า เครือข่ายอินเทอร์เน็ต
อินเตอร์เน็ตเป็นระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน เพราะอินเตอร์เน็ตเป็นสื่อกลางที่คอยเชื่อมโยงให้ผู้ที่อยู่ห่างไกลกัน คนละซีกโลกสามารถติดต่อได้อย่างทั่วถึง สามารถเปิดโลกทัศน์ของผู้ใช้ให้กว้างไกลขึ้น เป็นเครื่องมือที่ให้ความเพลิดเพลิน และยังเป็นสื่อการเรียนรู้ที่ดีเยี่ยมอีกแขนงหนึ่ง โดยผู้ใช้สามารถท่องไปในแดนที่ผู้ใช้อยากรู้โดยผ่านทาง World Wide Web (www) นอกจากนี้ผู้ใช้ยังสามารถสั่งซื้อสินค้าหรือการบริการได้จากอินเตอร์เน็ต ทำให้ไม่เสียเวลาแก่ผู้ใช้แต่อย่างใด
แม้ว่าอินเตอร์เน็ตจะให้คุณประโยชน์แก่ผู้ใช้อย่างล้นเหลือ แต่ในทางกลับกันอินเตอร์เน็ตก็ให้ข้อเสียไว้หลายประการด้วยกัน อาทิเช่น อินเตอร์เน็ตเป็นระบบที่เปิดกว้าง มีผู้ใช้เป็นจำนวนมากมายทั่วโลก จึงยากที่จะควบคุมได้ ดังนั้นจึงเป็นแหล่งสื่อที่ไม่ดีต่างๆ เช่น เว็บอนาจาร แหล่งเกม การโฆษณาชวนเชื่อ ที่มักให้ข้อมูลผิดๆหรือกล่าวเกินจริง เป็นต้น สิ่งเหล่านี้ล้วนส่งผลกระทบมายังผู้ใช้ที่เป็นเยาวชนได้โดยตรง หากพวกเขาไม่ได้รับการเอาใจใส่หรือคำแนะนำที่ดีจากผู้ปกครองแล้ว พวกเขาอาจจะเป็นปัญหาต่อสังคมได้ โดยเฉพาะปัญหาเด็กติดเกม ซึ่งเป็นปัญหาที่สำคัญในสังคมไทยปัจจุบัน
ถึงแม้อินเตอร์เน็ตจะให้ทั้งข้อดีและข้อเสีย แต่ถ้าเรารู้จักใช้ ใช้ให้เป็น ใช้ให้เกิดความคุ้มค่าแล้ว ปัญหาเหล่านี้ก็จะไม่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน โดยผู้ปกครองก็ควรหันมาใส่ใจในตัวบุตรหลานด้วย เพื่อป้องกันไม่ให้พวกเขาใช้อินเตอร์เน็ตในทางที่ผิด รวมทั้งให้คำแนะนำที่ดีแก่พวกเขา เท่านี้พวกเขาก็จะสามารถใช้อินเตอร์เน็ตได้อย่างปลอดภัย และเกิดประโยชน์แก่ตัวเองได้อย่างสูงสุด

วิธีการสมัคร Blog

เทคนิคการทำ Blog ให้น่าติดตาม

จะทำอย่างไรให้ Blog ของเรามีคนเข้ามาแล้วอยากกลับเข้ามาอีก เข้ามาแล้วคลิกอ่านหลายๆ หน้า ^^

By enjoyday.net

1. เมื่อผู้ชมเข้ามายัง Blog สิ่งแรกที่เห็นก็คือหน้าตาของ Blog ซึ่งควรจะสร้างความประทับใจให้แก่ผู้ชมตั้งแต่แรกพบ (เหมือนรักแรกพบนั่นแหละค่ะ :รักนะ: ) Theme ที่เราเลือกใช้นั้นจะเป็นตัวกำหนดอารมณ์ของ Blog และมีส่วนสำคัญที่จะทำให้ผู้ชมสนใจคลิกดูหน้าอื่นๆ อีกหรือไม่ ฉะนั้นการเลือก Theme ที่สวยงาม และเข้ากับเนื้อหาของ Blog จะช่วยสร้างบรรยากาศที่น่าประทับใจได้

โดยส่วนตัวแล้วชอบหน้าตาเว็บที่เรียบง่าย และดูสะอาดตาค่ะ หน้าตา blog ของ enjoyday ก็เลยออกมาเรียบๆ อย่างที่เห็น


ที่มาของรูป blogthemes.info

2. ในหน้าแรกควรมีข้อความแนะนำ Blog ของเราว่าเป็น Blog ที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องอะไร มีไฮไลท์เรื่องอะไร ก็ให้เอามาโชว์ให้หมด อย่าให้ผู้ชมเข้ามาแล้วงงๆ ที่นี่ที่ไหน สุดท้ายก็จากไปโดยไม่คลิกอ่านสักหน้า

3. ตั้งชื่อเรื่อง/บทความ ที่เขียนให้น่าสนใจ อ่านหัวข้อแล้วสะดุด จนต้องคลิกเข้ามาอ่านเนื้อหา

4. นำเสนอเนื้อหาที่น่าสนใจ มีประโยชน์ ทันสมัย อาจเป็นเรื่องที่อยู่ในกระแสนิยม และควร Update บ่อยๆ

5. เวลาเขียนบทความ ส่วนไหนที่เป็นหัวข้อหลัก หรือหัวข้อย่อย ควรเน้นใส่ตัวหนา หรือเปลี่ยนสีให้ชัดเจน หรือจะเขียน Overview หัวข้อไว้ก่อนที่จะเข้าส่วนเนื้อหาก็ได้ จะทำให้ผู้อ่านเห็นภาพรวม และจับประเด็นของเนื้อหาได้ดี

6. ในการเขียนบทความ ไม่ควรพิมพ์ข้อความยาวติดเป็นพืด ควรเว้นวรรค และเคาะบรรทัดบ้าง มีการขึ้นย่อหน้าใหม่เวลาเปลี่ยนเรื่อง หรืออาจนำเสนอเนื้อหาโดยแบ่งเป็นข้อๆ ก็ได้ จะทำให้อ่านได้ง่ายขึ้น

7. ถ้าเนื้อหาที่จะเขียนยาวมาก ควรแบ่งเขียนเป็นตอนๆ จะทำให้คนอ่านไม่ล้า โดยปกติคนส่วนใหญ่จะไม่นิยมอ่านเรื่องอะไรที่ยาวมากๆ บนหน้าจอคอมพิวเตอร์หรอกค่ะ อย่างผู้เขียนเวลาอ่านบทความที่ยาวมากๆ มักจะเลิกอ่านกลางคัน แต่ถ้ามีการแบ่งเป็นตอนๆ กลับอ่านได้จนจบ เป็นเรื่องของจิตวิทยาอย่างหนึ่ง

8. ใส่ภาพประกอบลงไปในบทความด้วย จะทำให้บทความนั้นน่าสนใจขึ้น ดูแล้วไม่เบื่อ โดยเฉพาะบทความที่สอนการใช้งานโปรแกรม, การติดตั้งโปรแกรม ถ้ามีภาพประกอบจะช่วยให้เข้าใจง่าย ไม่ต้องเขียนคำบรรยายประกอบจนเยิ่นเย้อ ต้องขยัน Capture รูปหน่อย

9. การอ้างถึงบทความก่อนให้ใส่ลิงค์เอาไว้ให้ด้วย คนอ่านจะได้คลิกอ่านได้เลยไม่ต้องไปค้นหาเอง เช่น ผู้เขียนเคยเขียนเรื่อง “Blog คืออะไร” เอาไว้ ต่อมาเขียนเรื่อง “การสร้าง Blog ด้วย Wordpress” ก็จะทำลิงค์ไว้ตรงคำว่า Blog ให้เชื่อมไปหน้าบทความ Blog คืออะไร เป็นต้น

10. ติดตั้ง Plugin ที่ทำ Related Posts ไว้ด้วย บางครั้งคนอ่านมาเจอเว็บเราจากการค้นหาในเว็บ Search Engine ก็จะเข้ามาที่หน้าบทความหน้าใดหน้าหนึ่ง พออ่านเสร็จก็มักจะออกไปเลย แต่ถ้าได้เห็นลิงค์ของเนื้อหาอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เกิน 50% ต้องคลิกอ่านต่อแน่นอนค่ะ

11. ในหน้าบทความ ควรมีลิงค์สำหรับคลิกให้อ่านหน้าก่อนหน้านี้ และหน้าถัดไป ผู้ชมจะคลิกหรือไม่คลิก ก็แล้วแต่ค่ะ อย่างน้อยเราได้เพิ่มโอกาสให้ผู้ชมได้รู้จัก Blog เรามากขึ้นในบทความอื่นๆ

12. ติดตั้ง Plugin ที่แสดงเรื่อง/บทความ ที่มีคนอ่านมากที่สุด (Most Viewed) หรือแนะนำให้อ่าน (Recommended) ก็เหมือนกับร้านหนังสือที่มีการ show หนังสือที่ติดอันดับขายดีไว้หน้าร้านแหละค่ะ เห็นคนอ่านเยอะๆ ก็ต้องคลิกเข้าไปอ่านดูบ้าง เรื่องของจิตวิทยาอีกแล้ว

13. ควรมีหน้า Site map หรือแผงผังเว็บไซต์ ที่แสดงเนื้อหาทั้งหมดของ Blog หน้านี้จะเหมือนกับหน้าสารบัญในหนังสือ เวลาเราจะซื้อหนังสือก็มักจะดูจากสารบัญ ว่ามีเรื่องที่เราสนใจอยากอ่านหรือเปล่า Blog ของเราควรมีหน้านี้เหมือนกันค่ะ

14. อย่ายัดเยียดโฆษณาให้ผู้อ่านมากเกินไป จนน่ารำคาญ

15. ถ้ามีคนมาเขียน Comment ถามอะไร เจ้าของ Blog ก็ควรตอบกลับด้วย แสดงว่าเราน่ะเป็นมิตร แล้วยังจะได้เพื่อนเพิ่มด้วย